Wednesday, December 30, 2009

IDP 2010

IDP 2010
ด้านการเงิน
- การใช้เงินในปีหน้านี้ จะมีการกำหนดความสำคัญของสิ่งของแต่ละอยากที่จะซื้อ โดยให้ความสำคัญที่ปัจจัย 4 (อาหาร, เครื่องนุ่งห่ม, ยารักษาโรค, ที่อยู่อาศัย) เป็นลำดับแรก
- ถ้าต้องการซื้อของที่นอกเหนือจากปัจจัย 4 เช่น Ipod touch, wii fit, netbook นั้นต้องมีการวางแผนเพื่อเก็บเงินซื้อของล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อ 1) จะได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนว่า ควรที่จะซื้อจริงๆ นะเนี่ย หรือเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบกันแน่ 2) เป็นการรักษาเงินออมที่มีอยู่ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่เพิ่มพูนขึ้นในช่วง 3 เดือน แต่มันก็ไม่ทำให้เงินออมลดลง (ถ้าเงินออมลดลงจะส่งผลต่อเป้าหมาย 7 ปี) 3) บางทีราคาของชิ้นนั้นอาจจะถูกลง หรือ out ไปแล้วก็ได้ จะได้ไม่ต้องซื้อ
- ย้ายเงินจากบัญชีเงินเดือนให้เหลือเท่าที่จำเป็น หลังจากที่ได้ทดลองทำมา 3 เดือน ตั้งแต่ ตุลานั้น ก็ได้ผลดี เนื่องจากช่วงนี้ชี้เกียจจดบันทึกเพื่อทำบัญีรายรับรายจ่ายรายวัน ทำให้เมื่อเห็นยอดเงินในบัญชีแล้วระวังการกินมากขึ้น (แต่น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ไงหว่า ??? )

รายละเอียดแผนการเงิน
1. อาหาร: 1 เดือน มี 30 วัน อนุญาตให้สามารถทานอาหารราคาเกิน 100 บาทได้ 2 มื้อต่อเดือน (วันปกติ มื้อเช้า 30 บาท กลางวัน 30 เย็น 50 บาท) สรุปต่อเดือนควรอยู่ในงบ 4000 บาท
2. เครื่องนุ่งห่ม: ปกติก็ไม่ค่อยได้ซื้อเสื้อผ้าอยู่แล้ว ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงซักเท่าไหร่นัก (ปีหน้าอาจจะซื้อเสื้อเพิ่ม 5 ตัว)
3. ยารักษาโรค: เมื่อเป็นไร ควรเริ่มหาหมอจากที่ฝ่ายแพทย์และอนามัยก่อน เพราะว่ามันฟรี แต่ถ้าไม่ดีขึ้นค่อยไป รพ. เนอะ
4. ที่อยู่อาศัย (คอนโด): เตรียมเงินสำรองไว้หน่อยก็ดี เพราะปีหน้าดอกเบี้ยเงินกู้อาจจะมีความผันผวน ต้องพยายามรักษาการผ่อนเงินต้นให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 3000 บาท
สรุป โบนัสปีนี้ได้มาแล้ว 70% ก็ต้องเก็บไว้เป็นเงินสำรองสำหรับค่ารักษาพยาบาล และ เงินผ่อนคอนโดในกรณีที่ดอกเบี้ยมีการปรับขึ้น แล้วปีนี้จะได้เท่าไหร่หว่า ลุ้นๆๆๆๆ กัน

ด้านการเรียน
ต้องจบให้ได้ภายในเทอม 1/2553 ไม่ไหวละ เพราะมันเลยกำหนด 2 ปีมาแล้ว

Thursday, November 26, 2009

ชีวิตครอบครัว

เมื่อเกิดปัญหาขึ่นในครอบครัว ส่วนใหญ่แล้วคนมักจะยกเหตุผลต่างๆ นานา มาอธิบายให้ตนดูดีขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่า การยกเหตุผลเป็นสิ่งที่ผิด เพราะการยกเหตุผล เป้าหมายจริงๆ นั้นคือ เราต้องการเอาชนะนั่นเอง ใช่มั้ย?

ฉะนั้น ถ้าคนในครอบครัวมีปัญหากัน ทางที่ดีที่สุด คือ การแก้ไขปัญหาด้วยกัน ด้วยความรัก โดยไร้อารมณ์โกรธ
นอกจากนี้ ถ้าฝ่ายใดทำผิดจริง ฝ่ายที่ถูกต้องยอมไปอยู่ข้างเดียวกันกับฝ่ายที่ผิดก่อน แล้วก้าวออกมาจากสิ่งผิดพร้อมๆ กัน นั่นแหละจะเป็นทางแก้ปัญหาในครอบครัวที่ดีที่สุดครับผม

เจ้านายที่ดี

เราเจอเจ้านายที่เป็นแบบนี้แล้ว 1 ท่าน แต่ก็ได้ร่วมงานกันเพียง 9 เดือน น่าเสียดายจริงๆ ครับ

เจ้านายไม่ใช่เป็นการนั่งอยู่เหนือลูกน้อง
แต่เจ้านายที่ดีนั้น ควรมานั่งในใจของลูกน้องทุกๆ คนให้ได้มากกว่านะ
ไม่รู้ว่าจะได้เจอเจ้านายแบบนี้อีกมั้ย

มาทำความดีกัน

ถ้าให้ความดี คือ น้ำบริสุทธิ์
ความชั่ว คือ เกลือ

เพราะฉะนั้น ถ้าเรามีโหลใหญ่ๆ ประจำตัวอยู่ 1 อัน
เมื่อใดที่ทำความดี สามารถเติมน้ำได้ 1 ลิตร
แต่ถ้าเมื่อใดทำความชั่ว ต้องเติมเกลือ 1 ช้อนชา

ดังนั้น ถึงแม้ว่าเราจะทำความดีมากเท่าใดก็ตาม มันก็ได้แค่เจือจางสิ่งชั่วๆ ที่เราเคยทำไป สิ่งชั่วเหล่านั้นยังคงอยู่ แล้วเราต้องชดใช้มัน ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า ต้องชดใช้ทั้งหมด หรือเพียงบางส่วนเน้อ

สรุปแล้ว เราก็ควรที่จะทำความชั่วให้น้อยที่สุด หรือไม่ทำได้ก็ได้เลย แต่ก็ควรทำความดีให้มากๆ เช่นกันนะ

Wednesday, November 25, 2009

SuBaRu


คำแปลเน้อ:
ฉันจะปิดตาอยู่ได้อย่างไร
ในเมื่อโลกภายนอกนั้นแสนเศร้า
แต่ยามเมื่อฉันลืมตาขึ้นมา
ฉันก็พบแต่หนทางที่เปล่าเปลี่ยวและยากลำบาก

โอ้ดาวน้อยเอ๋ย
หนทางเจ้านั้นคือแตกสลายและร่วงหล่น
ขอเจ้าจงเปล่งประกายส่องนำทางชีวิตฉันบ้าง

ฉันจะก้าวต่อไป
แม้ดวงหน้าจะซีดเซียวด้วยเหนื่อยยาก
ฉันจะก้าวต่อไป
เป็นดาวน้อยที่คนเมิน ลาแล้ว ดาวจรัสแสง

ลมหนาวเย็นยะเยือก
พัดผ่านเข้าสู่หัวใจทุกคราที่ฉันหายใจ
แต่ดวงใจฉันร้อนรุ่ม
ด้วยไฟแห่งความใฝ่ฝัน

โอ้ดาวน้อยเอ๋ย เจ้านั้นไร้ซึ่งชื่อเสียงเรียงนาม
ขอเจ้าจงมุ่งอวสานด้วยเปรมปรีดิ์

ฉันจะก้าวต่อไป
ตามหัวใจปรารถนา
ฉันจะก้าวไปกับเธอ ดาวน้อยที่ด้อยรัศมี
ลาแล้ว ดาวจรัสแสง

โอ้ว่าสักวันหนึ่ง
คงจะมีใคร เลือกหนทางนี้บ้าง
หนทางที่เปล่าเปรี่ยวยากลำบาก
แต่ท้าทาย

ฉันจะก้าวต่อไป
แม้ดวงหน้าจะซีดเซียวด้วยเหนื่อยยาก
ฉันจะก้าวต่อไป เป็นดาวน้อยที่คนเมิน
ลาแล้ว ดาวจรัสแสง ลาแล้ว ดาวที่คนชม

ที่มา: http://www.thaipoem.com/forever//ipage/poem64982.html

Monday, October 12, 2009

รายชื่อตำบล ในจังหวัดพิษณุโลก

วันนี้ว่างๆ นะ เลยหารายละเอียดเกี่ยวกับจังหวัดบ้านเกิดซักหน่อย พบว่า มีรายชื่อตำบลที่บางอัน ไม่เคยได้ยินเลยก็มี จึงมารวบรวมแล้วแปะไว้ก่อนดีกว่าเน้อ

จังหวัดพิษณุโลก มี 9 อำเภอ ได้แก่ ....
01 - อำเภอเมือง
ตำบลในเมือง
ตำบลวังน้ำคู้
ตำบลวัดจันทร์
ตำบลวัดพริก
ตำบลท่าทอง
ตำบลท่าโพธิ์
ตำบลสมอแข
ตำบลดอนทอง
ตำบลบ้านป่า
ตำบลปากโทก
ตำบลหัวรอ
ตำบลจอมทอง
ตำบลบ้านกร่าง
ตำบลบ้านคลอง
ตำบลพลายชุมพล
ตำบลมะขามสูง
ตำบลอรัญญิก
ตำบลบึงพระ
ตำบลไผ่ขอดอน
ตำบลงิ้วงาม
02 - อำเภอนครไทย
ตำบลนครไทย
ตำบลหนองกะท้าว
ตำบลบ้านแยง
ตำบลเนินเพิ่ม
ตำบลนาบัว
ตำบลนครชุม
ตำบลน้ำกุ่ม
ตำบลยางโกลน
ตำบลบ่อโพธิ์
ตำบลบ้านพร้าว
ตำบลห้วยเฮี้ย
03 - อำเภอชาติตระการ
ตำบลป่าแดง
ตำบลชาติตระการ
ตำบลสวนเมี่ยง
ตำบลบ้านดง
ตำบลบ่อภาค
ตำบลท่าสะแก
04 - อำเภอบางระกำ
ตำบลบางระกำ
ตำบลปลักแรด
ตำบลพันเสา
ตำบลวังอิทก
ตำบลบึงกอก
ตำบลหนองกุลา
ตำบลชุมแสงสงคราม
ตำบลนิคมพัฒนา
ตำบลบ่อทอง
ตำบลท่านางงาม
ตำบลคุยม่วง
05 - อำเภอบางกระทุ่ม
ตำบลบางกระทุ่ม
ตำบลบ้านไร่
ตำบลโคกสลุด
ตำบลสนามคลี
ตำบลท่าตาล
ตำบลไผ่ล้อม
ตำบลนครป่าหมาก
ตำบลเนินกุ่ม
ตำบลวัดตายม
06 - อำเภอพรหมพิราม
ตำบลพรหมพิราม
ตำบลท่าช้าง
ตำบลวงฆ้อง
ตำบลมะตูม
ตำบลหอกลอง
ตำบลศรีภิรมย์
ตำบลตลุกเทียม
ตำบลวังวน
ตำบลหนองแขม
ตำบลมะต้อง
ตำบลทับยายเชียง
ตำบลดงประคำ
07 - อำเภอวัดโบสถ์
ตำบลวัดโบสถ์
ตำบลท่างาม
ตำบลท้อแท้
ตำบลบ้านยาง
ตำบลหินลาด
ตำบลคันโช้ง
08 - อำเภอวังทอง
ตำบลวังทอง
ตำบลพันชาลี
ตำบลแม่ระกา
ตำบลบ้านกลาง
ตำบลวังพิกุล
ตำบลแก่งโสภา
ตำบลท่าหมื่นราม
ตำบลวังนกแอ่น
ตำบลหนองพระ
ตำบลชัยนาม
ตำบลดินทอง
09 - อำเภอเนินมะปราง
ตำบลชมพู
ตำบลบ้านมุง
ตำบลไทรย้อย
ตำบลวังโพรง
ตำบลบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก
ตำบลเนินมะปราง
ตำบลวังยาง

Friday, October 9, 2009

รวบรวมบทความ การสร้างธุรกิจส่วนตัว (2)

ราเมศวร์ ศิลปพรหม


วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552
บทบาทอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์กับการผลิตนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย

รายการ สุรนันทน์วันนี้ ออกอากาศเมื่อวันที่ 7 ก.ย. มี คุณราเมศวร์ ศิลปพรหม ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซอฟต์สแควร์ 1999 จำกัด มาร่วมสนทนาถึง อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย กับการผลิตนักพัฒนาซอฟต์แวร์

สุรนันทน์ : วงการไอที มันเปลี่ยนไปมากในความรู้สึกของผม คุณราเมศวร์เป็นคนที่อยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่แรก มันเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างครับในสายตาคุณราเมศวร์

ราเมศวร์ : สิ่งที่มันเปลี่ยนคือเทคโนโลยี ซึ่งมันเปลี่ยนเร็วมาก 20 ปี มันเปลี่ยนมา 3 ยุคแล้ว ฮาร์ดแวร์ก็มีความเร็วที่สูงขึ้นมีความสามารถมากขึ้น ที่สำคัญคือตัวที่ให้มันทำงานได้จริงๆคือซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์มันก็เปลี่ยนมา 3-4 ยุคแล้ว

สุรนันทน์ : มองไปข้างหน้าโลกมันเป็นอย่างไร เมืองไทยจะเป็นอย่างไร

ราเมศวร์ : คือสมัยก่อนเรารู้สึกว่าโลกดิจิตอล มันเหมือนความฝัน เหมือนกับสมัยที่เราบอกว่าจะไปดวงจันทร์ ตอนนี้ความฝันมันสามารถเป็นเศรษฐกิจได้หลายเรื่อง เช่น เราบอกว่าเรามีร้านค้าอยู่ในอินเตอร์เน็ต เรามีคนอยู่ในอินเตอร์เน็ตเข้าไปใช้งานได้ มันซื้อขายกันได้จริง มีธุรกิจเกิดขึ้นจริง ซึ่งเมื่อก่อนนี้เรารู้สึกว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ เราจะคิดได้อย่างไรว่าเงินจะเป็นดิจิตอล

สุรนันทน์ : แสดงว่าที่เขาบอกว่าอีกหน่อยเราจะอยู่หน้าจอกันตลอด จะจอใหญ่จอเล็กจอมือถือ มันจริงใช่หรือเปล่า

ราเมศวร์ : ผมว่าอาจจะเกินครึ่งของวัน ของชีวิต เช่นเราจะดูทีวีก็มีโทรศัพท์มือถือ เราจะคุยกับเพื่อนก็ใช้มือถือ เราจะอ่านหนังสือพิมพ์ก็กดขึ้นเป็นหน้าจอหนังสือพิมพ์เป็นอินเตอร์เน็ตเยอะ แยะไป เรียนหนังสือก็อินเตอร์เน็ตได้เพราะฉะนั้นเรียนหนังสือก็อยู่ในบ้านไม่ต้อง ไปไหน แล้วตอนนี้มันเป็นทูเวย์แล้ว

สุรนันทน์ : ถ้าโลกเป็นอย่างนั้นคุณราเมศวร์มองประเทศไทยอยู่ที่จุดไหน

ราเมศวร์ : มองภาพรวมนะครับ เนื่องจากเรามีทั้งกรุงเทพฯมีต่างจังหวัด มันแตกต่างกันเยอะ เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากจะสร้างประเทศเราให้ทัดเทียมเขาเราต้องออกไปสร้างข้าง นอกกรุงเทพฯ คือเราก็ต้องเริ่มจากเปลี่ยนความคิด เดิมเราจะทำ IT City รัฐบาลทั้งหลายก็จะบอกว่าทำที่กรุงเทพฯ ขอนแก่น ภูเก็ต ไม่มีใครคิดว่า IT City จะทำที่แม่ฮ่องสอน ทำที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำที่น่าน

สุรนันทน์ : แต่จริงๆมันอยู่ที่ไหนก็ได้ มันคุ้มทุนหรือเปล่า

ราเมศวร์ : เพราะคุ้มทุนเราพูดถึงการลงทุนกับผลตอบแทน เพราะฉะนั้นการลงทุนในที่ที่มันมีโอกาสจะได้ผลตอบแทนสูงกว่าก็ไม่แน่เสมอไป ว่าจะต้องอยู่เมืองใหญ่ เพราะว่าเศรษฐกิจฐานความรู้มันเกิดจากความรู้ จากสมองคน คนอยู่นอกเมืองถ้าเราทำให้คนนอกเมืองส่วนใหญ่มีฐานความรู้ตรงนั้นต้องใหญ่ กว่าแน่นอน

สุรนันทน์ : อย่างที่คุณราเมศวร์ว่าตัวไม่ต้องอยู่ตรงนั้น อยู่ที่ไหนก็ได้มันติดต่อได้ ซึ่งไปสร้างความเจริญให้เขาด้วย แล้วด้านกายภาพเป็นอย่างไร

ราเมศวร์ : ผมไม่ได้พูดมุมเดียว มิติเดียว กายภาพก็คือคนไม่ว่าจะขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ เขาบอกว่าคนเป็นทรัพย์สินที่สำคัญ ถ้าทรัพย์สินมันสำคัญ คนส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในเมือง มันอยู่ข้างนอก ถ้าเราไปลงทุนข้างนอกเราน่าจะลงทุนต่ำกว่า แต่ได้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นเราจะเขียนซอฟต์แวร์ ถ้าผมจ้างคนในเมืองจบปริญญาตรีใหม่ๆเดือนละ 16,000 บาท ทำอะไรไม่เป็น แต่ถ้าผมจ้างที่แม่ฮ่องสอนเหลือแค่ 7,000 บาทเอง

สุรนันทน์ : แล้วแม่ฮ่องสอนมีคนหรือเปล่า

ราเมศวร์ : มีครับทุกที่ในประเทศไทยเรามีคนหมด แต่เรารู้จักที่จะสร้างค่าให้เขาหรือเปล่า เพราะว่าทุกที่เหมือนกันหมดคือเกิดมาก็ไม่มีใครรู้อะไรทั้งนั้น อาชีพซอฟต์แวร์ในเมืองไทยมันมีตลาดอยู่ประมาณ 70,000 ล้านบาท แล้วก็มีคนอยู่ประมาณ 70,000 คน แปลว่าคนหนึ่งมีรายได้เฉลี่ย 1 ล้าน แล้ว 20% ไม่มีความรู้ทางด้านซอฟต์แวร์เลย เพราะว่าต้องมาเขียนคู่มือ ต้องไปฝึกอบรมการใช้งาน แล้วที่ทำได้มีอยู่ 4 อย่าง เขียนโปรแกรม, ออกแบบโปรแกรม, ฝึกอบรมการใช้โปรแกรม ,บริหารโครงการ คือทำอย่างไรที่จะเอาความรู้ไปให้ ยกตัวอย่างขนมหม้อแกงทำอย่างไรมันจะได้เงิน ถ้าคุณรู้ในการวาดรูปทำอย่างไรจะได้เงิน ถ้าคุณรู้ในการเป็นไกด์ทำอย่างไรจะได้เงินเยอะกว่าเดิม

สุรนันทน์ : ผมทำหม้อแกงผมก็ไปขายตลาด ในโลกดิจิตอล ความรู้ของคุณราเมศวร์มันขายที่ไหน มันก็ขายตลาดเหมือนเดิมไม่ใช่หรือ

ราเมศวร์ : การได้เงินเพิ่มเรามองส่วนตัวกับส่วนรวม เช่นถ้าเราคิดแบบเดิมๆคือเราชอบใช้คำว่าคู่แข่ง คือจะทำอะไรกลัวเขารู้ เดี๋ยวเขาทำเหมือนกันแล้วมาแข่งกับเรา แต่ความจริง ขนมหม้อแกงสมมติผมจะมีปัญญาทำสักล้านถาดหรือเปล่า ผมก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าผมขึ้นอินเตอร์เน็ตไปมีคนสั่งมาล้านถาด ถ้าผมมีเพื่อนที่ผมไปสอนเขาทำขนมหม้อแกง ผมอาจจะต้องเลิกทำเลยเพราะผมเป็นคนที่ทำขนมหม้อแกงหม้อแกงที่ดีที่สุดในโลก ถ้าผมสอนเขาผมจะไม่ต้องทำ เพราะลูกค้าเชื่อว่าผมเก่งที่สุดในโลกแล้วผมก็เป็นคนขาย เขาก็เป็นคนทำ แต่ผมทำได้ทีละ 20 ถาด ต่อวัน ถ้าเพื่อนในหมู่บ้านผมช่วยทำมันก็ได้วันละ 1,000 ถาด ผมได้เยอะกว่าเดิมเพื่อนก็ได้เยอะด้วย

สุรนันทน์ : ขนมหม้อแกงที่คุณราเมศวร์ได้เปรียบก็คือคุณราเมศวร์มีความรู้

ราเมศวร์ : แล้วมีความไว้วางใจด้วย ทั้งเพื่อนในหมู่บ้าน และความไว้วางใจที่ลูกค้าเขามั่นใจว่าผมไม่หลอกเขา และคนอื่นอาจจะทำได้อร่อยไม่เท่าผมแต่ว่าเขาจะมีความหลากหลายในความอร่อย มากกว่าผมคนเดียว เพราะแต่ละคนก็มีวิธีใส่สูตรเล็กๆน้อยๆที่ไม่เหมือนกัน

สุรนันทน์ : ถ้าผมสรุปที่คุณราเมศวร์พูดคือจริงๆไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร แต่ต้องมีทัศนะคติใหม่ในการเรียนรู้ในโลกนี้

ราเมศวร์ : ผมคิดว่ามีอยู่ 4 อัน อันแรก Open คือรู้อะไรแล้วเปิดเผย อันที่ 2 คือ Pairing คือเคียงข้าง อย่าคิดว่าเราเก่งกว่าคนอื่น คนที่รู้ดีกว่าเราอาจจะมีเยอะแยะซึ่งมันไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนคนเดียว มันคือการร่วมกันเพราะองค์ความรู้มันหลากหลาย อันที่ 3 Sharing คือแบ่งปันอย่าโลภ คือมีอะไรให้คนอื่น ยิ่งให้ยิ่งได้ อันสุดท้ายคือ Acting Global คือจะทำอะไรต้องมองระดับโลก เช่นขนมหม้อแกงทำอย่างไรมันจะขายได้ทั้งโลก ซึ่งเวลาคิดเราคิดไปทีละนิดได้ แล้วอย่าคิดคนเดียวหาคนอื่นมาช่วยคิดด้วย

สุรนันทน์ : Creative Economy คืออะไร เศรษฐกิจสร้างสรรค์ มันต่อจากที่เราคุยหรือเปล่า

ราเมศวร์ : ผมคิดว่ามันก็เชิงความรู้ แต่ว่าความรู้มันมีหลายทางมาก ถ้าเรานำมาทำให้เกิดเศรษฐกิจ ก็คือมีรูปแบบธุรกิจ เพราะฉะนั้นเราต้องออกแบบรูปแบบธุรกิจ ผมยกตัวอย่างว่า หลายอย่างคนจ่ายเงินไม่ได้ใช้คนใช้ไม่ได้จ่ายเงิน ซึ่งมันก็แปลกปกติอยากจะขายอะไรผมก็ต้องไปหาคนซื้อแล้วก็เอาเงินแลกกับของ แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่แล้ว เช่นเราใช้อินเตอร์เน็ตเราจ่ายเงินหรือเปล่าเราก็ไม่ได้จ่ายเงิน เราเข้าไปดู ยูทูป ไม่เห็นต้องจ่ายเงิน ถ้าเป็นเชิงสร้างสรรค์สมมติจะทำซอฟต์แวร์ ถ้าเป็นสมัยก่อนผมต้องทำซอฟต์แวร์แล้วมาขายลูกค้าโดยตรง เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ผมยกตัวอย่างเด็กนักเรียนถ้าผมไปให้เขาทำซอฟต์แวร์ หรือทำเว็บขึ้นมาอันหนึ่ง ถ้าเป็นสมัยเดิมๆต้องไปรับจ้างทำเว็บให้กับลูกค้าหนึ่งราย แต่ตอนนี้เราไม่ เราจะเชิญเขามาแล้วบอกว่าเป็นเด็กทำ คุณเป็นเจ้าของรีสอร์ทเล็กๆในแม่ฮ่องสอน เราไม่ได้ขอให้เขาจ้างงานเด็ก แต่เราบอกว่าเราจะจัดแข่งขันเขียนเว็บให้กับเด็ก 11 โรงเรียน คุณให้โจทย์เลยว่ารีสอร์ทคุณจะมีเมนูอาหารอย่างไรคุณเอามาให้เด็ก แล้วเมนูที่เด็กทำคุณเป็นกรรมการ ชนะเลิศให้ 3,000 บาท รองชนะเลิศ 2,000 บาท ที่สาม 1,000 บาท คุณไม่ได้จ่ายเงินค่าซื้อแต่คุณต้องการสนับสนุนการเขียนเว็บของเด็กเป็นทุน การศึกษา

สุรนันทน์ : มันก็คือสะท้อนเรื่องของชุมชนให้อยู่ด้วยกันได้ ไม่ใช่เป็นธุรกิจระหว่างคุณราเมศวร์กับผมสองคน มันจะออกมารูปนี้เลยหรือเปล่า

ราเมศวร์ : คือเด็กได้เงิน สมมติว่าเราประกวดเดือนละครั้ง มันมีเงินหมุนแล้ว 6,000 บาทต่อหนึ่งราย ถ้าเรามีรีสอร์ท 100 แห่ง มันก็ต้องมีแล้ว 600,000 ต่อเดือน ขณะเดียวกันผมก็บอกว่าคุณอยากจะดูงานหรือเปล่า เป็นเทคโนทัวร์ลิส มาดูวิธีการเขียนเว็บของเด็กผมจัดเดือนละ 2 ครั้ง ต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินหรือเปล่า ต้องทานอาหารหรือเปล่า เกิดทัวร์ขึ้น รีสอร์ทมีคนมาพัก

สุรนันทน์ : มันเหมือนกับการบูรณาการความรู้ แล้วก็วิธีการทำงานในหลายๆทาง ไม่ใช่แยกขายของ มันจะเป็นลักษณะนี้มากขึ้น ซึ่งมันเป็นเพราะปรากฏการณ์ที่โลกมันเปลี่ยน ตัวเทคโนโลยีมันเปลี่ยน

ราเมศวร์ : ครับ แล้วการแบ่งปันมันเพิ่มมากขึ้น ถ้าพฤติกรรมนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันจะเฉลี่ยความรวย สุดท้ายคือทุกคนก็รวยได้ ซึ่งที่เราจะเห็นคนเดียวรวย แล้วคนอื่นจนหมดมันก็จะน้อยลงเพราะมันไปเฉลี่ย

สุรนันทน์ : อันนี้หรือเปล่าที่คุณราเมศวร์ไปสร้างต้นกล้าไอที

ราเมศวร์ : ครับ ต้นกล้าไอทีที่แม่ฮ่องสอน คือผมต้องการจะสอนเด็กให้มีอาชีพ เดิมปัญหาเราคือ เรารับบัณฑิตที่จบจากมหาวิทยาลัย เราก็ต้องมาสอนอีก 6 เดือน มันไม่พร้อมใช้ ผมก็มีความคิดว่าทำไมเราไม่สอนตั้งแต่ ม.1 เพราะว่าเด็กปัจจุบันก็คือเรียนให้จบไปตามหลักสูตร จบม.6 ก็คือไปเข้ามหาวิทยาลัย

สุรนันทน์ : ก็คือไปสอนไอที

ราเมศวร์ : สอนไอทีแล้วก็สอนวิธีคิด ไอทีเป็นเครื่องมือแต่เขาต้องคิดธุรกิจด้วยตัวเขาเอง เราไปสอนวิธีคิดคนให้เขาคิดเอง เราไปคิดแทนเขาไม่ได้ แต่ถ้าเขาคิดเรื่อยๆทุกวันๆ ตั้งแต่ม.1 ถึง ม.6 ต่อไปเขาอาจจะไม่เรียนต่อปริญญาตรีก็ได้ เพราะว่าเขามีเงินเยอะแล้ว เราต้องให้เป็นลูกคลื่นคือพี่สอนน้อง ให้ ม.5 สอน น้อง ม.4 ให้ม. 3 สอนน้อง ม.1, ม.2 การที่เราให้เด็กสอนเด็กเวลารุ่นพี่สอนรุ่นน้องมันจะไม่เหมือนอาจารย์สอน เพราะความรู้เอาจากอาจารย์ ประสบการณ์เอากับรุ่นพี่ ความรู้มันมาใหม่ตลอดเวลา เราไม่รู้ก็มีคนมาบอกเรา หรือถ้าเรายังกดไม่เจอเราก็โพสต์ขึ้นไว้ว่าเราไม่รู้เรื่องเดี๋ยวคนก็มาบอก เรา มันไม่ใช่ One Way อีกแล้ว มันมารอบทิศทาง

สุรนันทน์ : แต่รัฐบาลไม่ได้บอกว่าเป็นรัฐบาลใด พอบอกเรื่องไอทีก็ซื้อคอมพิวเตอร์แจกโรงเรียนมันไม่ใช่หรือ

ราเมศวร์ : ไม่ใช่ครับ สมมติว่าถ้าเราอยากจะให้รีสอร์ทใช้คอมพิวเตอร์ วิธีการเดิมคือเอาคอมพิวเตอร์ไปขายเขา เอาซอฟต์แวร์ไปขายเขา อย่างรีสอร์ทมีรายได้ปีหนึ่ง 10 ล้านบาท คอมพิวเตอร์มัน 2 ล้านแล้ว เขาซื้อไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นเราก็เลยลบอกว่าคุณเป็นธนาคาร คุณอยู่บนริษัทตลาดหลักทรัพย์ ใหญ่โต อย่างไรคุณก็มีคอมพิวเตอร์ที่คุณจะอัพเกรดเปลี่ยนใหม่อยู่แล้วขอบริจาคได้ หรือเปล่า จะเอาไปให้รีสอร์ทใช้ ซอฟต์แวร์เราก็ทำฟรีแล้วให้เด็กไปบริการใช้งานด้วยตัวเด็ก แต่เนื่องจากเด็กยังเรียนหนังสืออยู่ให้ไป 3 ผลัด ผลัดละ 3 ชั่วโมง เดือนละ 1,500 บาท เพราะว่าเด็กเขาไม่ได้ทำอะไรเยอะแยะ ก็เป็นเศรษฐกิจขึ้นไอทีก็ได้ใช้

สุรนันทน์ : อย่างนี้บริษัทใหญ่ๆเขาไม่แย่กันหมดหรือ

ราเมศวร์ : ไม่ครับ เพราะว่าบริษัทใหญ่ๆกับพวกนี้แหละต้องอยู่ร่วมกัน ที่ผมบอกว่าPairing คือไม่มีใหญ่ไม่มีเล็ก ต้องเคียงข้าง อย่างผมมี 40 บริษัท ถ้ามีโปรเจ็คเล็กๆก็ต่างคนต่างทำ 10-20 คน แต่เวลามี โปรเจ็ค ใหญ่ๆต้องการ 100 คน เราก็ไปเรียกมาบริษัทละ 2 คน 40 บริษัทเราได้ 80 คน ซึ่งไม่ได้เป็นเปอร์เซ็นต์มากของเขา เขาก็ยังทำโปรเจ็ค เดิมของเขาได้ ส่วนที่แม่ฮ่องสอนอีกไม่เกิน 10 ปีจะเห็นผล ถ้าแม่ฮ่องสอนไม่พอต้องไปคัดจากเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน เป้าหมายของเราคือเด็กด้อยโอกาส เด็กบนดอย ถ้ามันไปได้ดีมันอาจจะไปที่น่าน ไปสกลนคร ไป 3 จังหวัดชายแดดภาคใต้ ถ้าคนมีกินมีความสบายเขาไม่อยากไปทำอะไรที่ทุกข์ร้อนหรอก ทุกวันนี้เราฟังเรายังอยากฟังแต่ข่าวดี แล้วที่ผมบอกว่า Acting Global คืออย่าไปมองตลาดแค่ประเทศไทยเราต้องมองอาเซียนมองทั่วโลก อาเซียนเราก็ต้องเห็นว่าเขาเป็นเพื่อนเรา ไม่ใช่ไปเอาเปรียเขา แล้วก็ดูว่าเขากับเราจะอยู่ด้วยกันอย่างไร ถ้าเราทำอย่างนี้ได้เศรษฐกิจในแนวความคิดนี้มันน่าจะทำให้คนทั้งโลกมีความสุข

ที่มา: http://www.posttoday.com/suranan.php?id=65558

รวบรวมบทความ การสร้างธุรกิจส่วนตัว

บทความที่ 1
กฎเหล็ก !! ของซอฟต์แวร์มือใหม่

แม้ ประเทศไทยจะพยายามส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของ ประเทศมานาน โดยมีการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์ปาร์ก) ที่ครบ 10 ปีในปีนี้ รวมถึงได้จัดตั้งสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือซิป้าขึ้นมา

แต่จนถึงขณะนี้อุตสาหกรรม ซอฟต์แวร์ไทยก็ยังไม่ได้แข็งแกร่งมากพอในการ แข่งขันในเวทีต่างประเทศ ส่วนใหญ่ยังเป็นบริษัทธุรกิจขนาดเล็กไม่สามารถสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศได้ มากมายเช่นที่คาดหวัง

ในงานครบรอบ 10 ปีซอฟต์แวร์ปาร์ก ได้เปิดเวทีให้กับกูรูที่ปลุกปล้ำกับธุรกิจซอฟต์แวร์มานาน อย่าง "ราเมศวร์ ศิลปพรหม" กรรมการผู้จัดการ บริษัทซอฟต์ สแควร์ กรุ๊ป และ "ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเอฟอีซี จำกัด (มหาชน) มาเปิดเคล็ดลับการทำธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับผู้ประกอบการมือใหม่เก็บไว้ เป็นข้อคิดที่น่าสนใจ

เริ่มจาก "ราเมศวร์ ศิลปพรหม" แห่งบริษัทซอฟต์สแควร์ กรุ๊ปบอกว่า กลยุทธ์ "7-7-7-7" คือเคล็ดลับความสำเร็จและมีความเสี่ยงน้อยที่สุด

7-7-7-7 คือเวลา 7 ปีที่ควรทำเรื่องต่างๆ ใน 4 ช่วงเวลา 7 แรก หมายถึง 7 ปีแรกที่มือใหม่ทั้งหลายควรเก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์ และเงินทุน จากการเป็นลูกจ้างคนอื่น ไม่ว่าคุณจะเป็นเซียนเก๋าแค่ไหนในมหาวิทยาลัย มีรางวัลการันตีคุณภาพมากมาย ถ้าขาดประสบการณ์แล้วใจกล้าตั้งบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ของตน ขึ้นมา บริษัทจะเจ๊งก่อนโต

"การขาดประสบการณ์ คิดแต่จะได้ ทำให้ไม่เห็นความเสี่ยง ไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจและแก้ปัญหา ฉะนั้นใจเย็นๆ อย่าโลภ แต่จะเป็นลูกจ้างคนอื่นก็อย่าตั้งเป้าแต่เงินเดือนสูงๆ ต้องรู้จักวางแผนเก็บเงิน ถ้ามีเงินเก็บถึง 1 ล้านค่อยไปเริ่ม 7 ที่ 2"

7 ตัวที่ 2 คือช่วงเวลาที่เหมาะสมใน การตั้งบริษัท โดยโฟกัสเฉพาะเทคโนโลยีที่เชี่ยวชาญและอุตสาหกรรมของลูกค้าที่รู้ลึกรู้จริง เพียง 1 อย่างก็พอ เพราะบริษัทซอฟต์แวร์ไม่ได้ขายแค่ซอฟต์แวร์ ต้องเข้าใจโมเดลธุรกิจของลูกค้าและรู้ว่าจะนำไอทีไปช่วยได้อย่างไร โดยอาจจับเทคโนโลยีที่ชอบแล้วเกาะติดเพื่อเติบโตไปพร้อมๆ กัน "ถ้าชอบ SUN ศึกษาเทคโนโลยีของ SUN พัฒนาซอฟต์แวร์มารองรับ เกาะติด SUN SUN โต เราโตด้วย เป็นกลยุทธ์ในการเติบโตได้"

ช่วงเวลานี้จะต้องสร้างโมเดลธุรกิจและเป้าหมายอย่างชัดเจน รวมถึงต้องใส่ใจกับการบริหารความเสี่ยง

"อย่า ตั้งเป้าไว้ที่รายได้ เพราะต้องลงทุนเยอะ ทั้งจ้างคนเพิ่มและอื่นๆ แต่ยอดขายก็อาจไม่มาและอาจทำให้เงินเหลือไม่เยอะ อย่างที่คิด ขอให้ตั้งเป้าไว้ที่เงินเหลือเพราะจะทำให้เราใส่ใจกับการควบคุมค่าใช้จ่าย"

หัวใจสำคัญคือ ต้องพัฒนาด้านมาร์เก็ตติ้งแข็งแรงกว่าด้านโปรดักต์อย่างน้อย 4 เท่า หมายความว่าโปรดักต์ต้องดีแต่ต้องมีมาร์เก็ตติ้งที่ดีกว่า

"ในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ดีมานด์มีมากกว่าซัพพลายอยู่แล้ว มีบริษัทที่ต้องการคนมาพัฒนาซอฟต์แวร์เยอะแยะ ถ้าเราดีจริง"

7 ตัวที่ 3 คือช่วงเวลาสำหรับขยายกิจการ โดยขยายในแนวลึก ถ้าไม่จำเป็นอย่าขยายไปในสิ่งที่ไม่เชี่ยวชาญหรือข้ามอุตสาหกรรม ที่สำคัญคือการหาพันธมิตรและผลักดันลูกน้องที่เชี่ยวชาญขึ้นมามี ส่วนร่วมในการเติบโต อย่าคิดเก่งเพียง คนเดียวและอย่าลืมแบ่งปันผลกำไรให้ทั้งพนักงาน ลูกค้า และผู้ถือหุ้น

ก่อน จะเข้าสู่ช่วงเวลา 7 ปีสุดท้ายที่จะหาคนมารับช่วงต่อเพื่อเกษียณตัวเอง ซึ่งตอนนี้ "ซอฟต์สแควร์" ก็ถือว่าอยู่ในช่วงของการเข้าสู่ 7 ตัวสุดท้าย

หัวใจ สำคัญของการทำธุรกิจซอฟต์แวร์ ต้องโฟกัสที่เทคโนโลยีและลูกค้า เพราะถ้าเราไม่เก่งก็เจ๊ง แต่ถ้าถนัดและเชี่ยวชาญ คนอื่นก็แข่งยาก และโอกาสเจ๊งก็ยากเช่นกัน

"ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร" กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บมจ. เอ็มเอฟอีซี เสริมว่า กฎเหล็กสำหรับมือใหม่มี 3 ข้อ คือ

1.อย่า ลงทุนเปิดบริษัทกับเพื่อน ยิ่งหุ้นกันเกิน 3 คนยิ่งอย่าทำ เพราะช่วงวัยทำงานจะเห็นเงินเป็นเรื่องสำคัญ และเงินจะทำให้เสียเพื่อน นอกจากนั้นทุกคนจะชิงกันเป็นผู้นำเพราะเชื่อว่าสมองเท่ากัน ซึ่งบริษัทจะเติบโตได้ต้องมีผู้นำที่ตัดสินใจเด็ดขาด

2.ไม่ควรพึ่ง หรือยึดติดกับคนเก่ง บริษัทไม่ควรอยู่ได้เพราะคนคนเดียว สิ่งที่สำคัญในการบริหารงาน คือ ผู้นำ ซึ่งหลายๆ แห่งไม่ใช่ "นักไอที" แต่เป็นคนที่สามารถทำให้ทุกคนในบริษัททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เพราะธรรมชาติของมนุษย์เวลามาทำงานร่วมกันจะทำงานน้อยกว่าศักยภาพจริง

3.อยาก หวังพึ่งโชคชะตาปล่อยไปตามยถากรรม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคม เมื่อบริษัทมีเป้าหมายมีแผนงานแล้วต้องมุ่งไปให้ได้ ถ้าเจอปัญหาแล้วค่อยแก้ไข

และ 2 กูรูแห่งธุรกิจซอฟต์แวร์ไทย บอกตรงกันว่า ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น มักมาจาก "do ในสิ่งที่ don"t และ don"t ในสิ่งที่ต้อง do"

ข่าว : ประชาชาติธุรกิจ

Wednesday, October 7, 2009

อ่าน Text file ขนาดใหญ่ ด้วย JAVA

ใช้ Java อ่าน Text file ขนาดใหญ่ (> 10 MB)

เปรียบเทียบด้านความเร็ว
byte[] or ByteArrayOutputStream เร็วกว่า BufferedReader

แต่ถ้าเปรียบเทียบเรื่องการใช้งานนั้น
BufferedReader ใช้งานง่ายกว่านะ

Wednesday, September 2, 2009

Simple PHP LDAP Authentification

$username = "username";
$password = "password";
//Connect
$ad = ldap_connect(ldap://ldap.server);
//Set some variables
ldap_set_option($ad, LDAP_OPT_PROTOCOL_VERSION, 3);
ldap_set_option($ad, LDAP_OPT_REFERRALS, 0);
//Bind to the ldap directory
$bd = ldap_bind($ad,$username."@ldap",$password);
if($bd) {
echo "Pass
";
//Search the directory
$result = ldap_search($ad, "OU=org,DC=ldap,DC=server", "(sAMAccountName=".$username.")");
$entries = ldap_get_entries($ad, $result);
echo $entries[0]["displayname"][0]."
";
} else {
echo "Fail
";
}
ldap_close($ad);
?>

Friday, July 31, 2009

บันทึกคำสำคัญ มาก...

Search Engine: ระบบสืบค้นข้อมูลเว็บ
Internet: อินเทอร์เน็ต
web: เว็บ
web host: เว็บโฮสต์
web crawler: เว็บคราวเลอร์
machine learning: การเรียนรู้ของเครื่อง
Support Vector Machine: ซัพพอร์ตเวกเตอร์แมชชีน

Friday, July 3, 2009

การให้ความสุขกับตัวเอง

เอามาจากเว็บนี้ http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9520000073963
ที่เอาหนังสือเล่มใหม่ของคุณหนูดีมาลงนะ

ให้ลงทุนกับตัวเองบ้าง อย่าลงทุนให้แต่กับคนอื่น ดังนั้นหนูดีจึงโดนสอนเสมอว่า ให้ซื้อกุหลาบให้ตัวเอง โดยไม่ต้องรอให้ใครมาซื้อให้ เทคนิคนี้ หนูดีรู้สึกว่า การที่เราจะดูแลคนอื่นเราต้องเริ่มดูแลตัวเราเองก่อน ไม่ต้องรอให้โชคชะตาส่งใครมาดูแล และถ้าเราดูแลตัวเองเป็น เราก็ดูแลคนอื่นได้ งานที่ยิ่งใหญ่ต้องเริ่มจากจุดเล็กที่สุดก่อนถึงจะก้าวไปอย่างมั่นคงได้ เพราะฉะนั้นการเริ่มจากที่ตัวเราเองจึงเป็นจุดที่ดีที่สุด

ดังนั้น -->> ก็เลยซื้อเครื่อง wii ให้ตัวเองเลย 555+ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันป่าวนะ

การแก้ปัญหาสระ วรรณยุกต์ ลอย ใน pdf

หลังจากที่ห่างเหินไปนานมากมาย
ก็มีเรื่องตื่นเต้น และเรื่องที่สำคัญเกิดขึ้นอีกหลายอย่าง ทั้งที่ดีขึ้น แล้วก็ไม่มีขึ้น ทำไงได้ละ ก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ ดังนั้น ตราบใดยังมีลมหายใจก็ต้องชดใช้กรรมกันต่อไป....

วันนี้มีเรื่องเทคนิคที่สำคัญ ที่จะไม่โพสเก็บไว้ก็ไม่ได้ เพราะพบปัญหานี้มาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้วได้มั้ง แต่ยังหาวิธีแก้ไม่ได้ จนล่วงเลยมาถึงวันนี้ (ดูเหมือนนาน แต่จริงๆ ไม่ได้หาต่างหาก 5555+) ถึงได้ อ๋อ.... แก้ได้แล้ว

ปัญหา: การแก้ไขปัญหาสระหรือวรรณยุกต์ลอยในภาษาไทย เมื่อ export เป็น pdf โดยใช้โปรแกรม iReport หรือ Jasper
วิธีการแก้ไขปัญหา: ตามกระทู้ใน narisa เลย มีคนเจอเหมือนกับเราด้วยแฮะ ปีที่แล้วเหมือนกัน แต่เค้าแก้ได้ก่อน
กระทู้ต้นตำรับ: http://www.narisa.com/forums/index.php?showtopic=22186
พี่เค้าเจ๋งมาก ทำ lib มาให้ใช้ด้วย สะดวกจริงๆ http://code.google.com/p/jthaipdf/ ขอให้พี่เค้าจงเจริญครับผม

Sunday, April 19, 2009

Lightbox 2

Lightbox ได้ออกเวอร์ชัน 2.03 แล้ว
เป็น JavaScript สำหรับสร้าง dialog เพื่อแสดงรูปภาพ

ที่มา: http://www.huddletogether.com/
http://www.huddletogether.com/projects/lightbox2/

Wednesday, February 25, 2009

คำคม

หลังจากได้คุยกับอาจารย์เกี่ยวกับงานวิจัยที่กำลังทำอยู่ ก็มีคำคมหลุดมา ชอบมากมาย เลยเอามาโพสเก็บไว้เดี๋ยวจะลืมไปก่อน
ตอนนี้ยังมีสิทธิ์เลือกทำในสิ่งที่ชอบก็เลือกซะ พอโตขึ้นก็เลือกไม่ได้แล้ว เพราะต้องทำสิ่งที่ไม่อยากทำด้วยหน้าที่ หรือ ฯลฯ

Monday, February 16, 2009

ปัญหาการใช้งาน Microsoft SQL Server 2000 ร่วมกับ Java, Tomcat, Spring

การใช้งาน Microsoft SQL Server 2000 ร่วมกับ Java, Tomcat, Spring นั้น ถ้าโปรแกรมของเรามีการเขื่อมต่อฐานข้อมูลโดยใช้ driver ของ microsoft (mssqlserver.jar, msbase.jar และ msutil.jar) ละก็
เตรียมพบกับความผิดพลาดและความไม่มีเสถียรภาพของระบบได้เลย ซึ่งปัญหานี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ การเชื่อมต่อระหว่าง Tomcat กับ ฐานข้อมูล Microsoft SQL Server 2000 ขาดการเชื่อมต่อ เช่น สาย lan หลุด, เครื่องฐานข้อมูลมีการ restart เป็นต้น จะทำให้เกิด Error message ขึ้นมาบอกว่า

" [Microsoft][SQLServer 2000 Driver for JDBC]Connection reset by peer: socket write error "

แต่ยังไม่ต้องตกใจ เรามีทางแก้ทางเลือกหนึ่ง มานำเสนอแล้ว หนังจากที่ได้ค้นหาทางแก้และปวดหัวกับมันมาซะหลายวัน

ขั้นตอนการแก้ปัญหามีดังนี้ สามารถทำตามได้เลย
1. ต้องไปดาวน์โหลดไดรเวอร์ตัวใหม่มา ซึ่งสิ่้งที่เหมาะสมกับ Java ที่สุดๆ เลยก็คือ open source ด้วยกันเอง ที่ชื่อว่า jTDS นั่นเอง
คุณสมบัติคร่าวๆ ของเจ้าตัวนี้ เอามาจากเว็บเค้านั่นแหละครับ
Overview
jTDS is an open source 100% pure Java (type 4) JDBC 3.0 driver for Microsoft SQL Server (6.5, 7, 2000 and 2005) and Sybase (10, 11, 12, 15). jTDS is based on FreeTDS and is currently the fastest production-ready JDBC driver for SQL Server and Sybase. jTDS is 100% JDBC 3.0 compatible, supporting forward-only and scrollable/updateable ResultSets, concurrent (completely independent) Statements and implementing all the DatabaseMetaData and ResultSetMetaData methods. Check out the feature matrix for more details.

2. เมื่อได้ไดรเวอร์มาแล้ว จะมีชื่อว่า jtds-x.x.x.jar (x.x.x คือเวอร์ชั่น เช่น jtds-1.2.2.jar เป็นต้น) นำไดรเวอร์ตัวนั้น import เข้าไปในเว็บโปรเจคของเรา อย่างของผลไว้ที่โฟลเดอร์ \ProjectName\WebContent\WEB-INF\lib
3. เริ่มมา config กัน ก่อนอื่นก็ต้องเปลี่ยนตัว driverClass ใน config ซะก่อน (cofig นี้จะอยู่ในส่วนที่เราทำการเชื่อมต่อฐานข้อมูลนะครับ) เช่น
เดิม

<bean id="dataSource" class="org.apache.commons.dbcp.BasicDataSource" method="close">
<property name="driverClassName" value="com.microsoft.jdbc.sqlserver.SQLServerDriver"/>
<property name="url" value="jdbc:microsoft:sqlserver://xxx.xxx.xxx.xxx:1433;DatabaseName=xxxxxx"/>
<property name="username" value="username"/>
<property name="password" value="secret"/>
</bean>

เปลี่ยนใหม่เป็นของ jTDS

<bean id="dataSource" class="org.apache.commons.dbcp.BasicDataSource" method="close"/>
<property name="driverClassName" value="net.sourceforge.jtds.jdbc.Driver"/>
<property name="url" value="jdbc:jtds:sqlserver://xxx.xxx.xxx.xxx:1433;DatabaseName=xxxxxx"/>
<property name="username" value="username"/>
<property name="password" value="secret"/>
</bean>

สามารถดูเอกสารได้นะ เพราะชื่อ class นี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเค้าออกเวอร์ชั่นใหม่ๆ หาดูได้จากตรงส่วน Get Started ในเว็บของ JTDS ครับ
4. มาทดสอบกัน
4.1 start tomcat
4.2 access my web site
4.3 disable network connection or unplug LAN
4.4 access my web site again (1st found Error, but 2nd, 3rd, ... found my web site)
5. จากข้อ 4 ก็ยังมี error เหมือนเดิมงิ ยังแก้อาการแบบนี้ไม่หายขาดซักที ทำไงดีละ
ไม่ต้องกังวลครับ เรามีทางเลือกมานำเสนอเป็นโปรโมชั่นที่ 2 อีก ทำตามข้อ 6 ได้เลยครับ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
6. เพิ่ม config

<bean id="dataSource" class="org.apache.commons.dbcp.BasicDataSource" method="close"/>
<property name="driverClassName" value="net.sourceforge.jtds.jdbc.Driver"/>
<property name="url" value="jdbc:jtds:sqlserver://xxx.xxx.xxx.xxx:1433;DatabaseName=xxxxxx"/>
<property name="validationQuery" value="select 1"></property>
<property name="username" value="username"/>
<property name="password" value="secret"/>
</bean>

7. ลองทดสอบตามข้อ 3 อีกครั้ง พบว่า หลังจากที่เรา disable LAN หรือลองดึงสาย LAN ออกนั้น เมื่อเข้าเว็บครั้งแรกจะช้าหน่อย แต่ก็ขึ้นหน้าเว็บตามปกติมาให้เรา เนื่องจากมันจะไปทำการตรวจสอบโดยใช้ statement SQL select 1 ไปทดสอบก่อน
แต่การเข้าเว็บครั้งที่ 2 และต่อๆ มาก็ไวเป็นปกติแล้วครับท่าน

Note: jTDS is a very very excellent driver for MS SQL Server 2000 จริงเลย

Friday, January 9, 2009

การหาผลรวมของเวลา

ถ้าเราต้องการหาผลรวมของเวลาใน Excel ก็ต้อง set Format Cells ให้เป็น Time ซะก่อนนะ
แต่ถ้าเกิดรวมไปรวมมา แล้วผลรวมเวลามากกว่า 24 ชั่วโมง มันก็จะทำให้ผลลัพทธ์เราคลาดเคลื่อนไป
วิธีแก้คือ ตรว cell ของผลรวม ให้ set Format cell เป็นแบบ Custom แล้วให้ใส่ [ ] ในส่วนของชั่วโมง งงละซิ มาดูตัวอย่างกัน [h]:mm หรือ [h]:mm:ss ก็ได้นะ ลองทำดูสนุกดีนิ๊

Happy New Year 2009

เพิ่งผ่านปีใหม่มาได้ไม่ถึง 10 วันเลย แถมก่อนหน้านี้ก็ให้หยุดยาวอีก แต่ทำไมตอนนี้รู้สึกเหนื่อยมากมาย และอยากพักผ่อนจัง สงสัยว่า ตั้งแต่เดือนหน้าต้องออกกำลังกายซะบ้างละ ปีนี้ต้องทำให้ได้ เพราะรู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่นัก ถ้าปล่อยไว้นานเกินไป เดี๋ยวจะไม่มีแรงทำงานวิจัยเอา เพราะจะป่วยอย่างเดียว เอาเป็นว่า เดี๋ยวจะวางแผนสำหรับปีนี้ดีกว่า ไหนๆ ปีที่แล้วก็ได้วางแผนล่วงหน้าไปตั้ง 7 ปี แต่ปีนี้ขอวางแผนและตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนก่อน เพราะทั้งทำงานและเรียนด้วย เดี๋ยวจะทำอะไรได้ไม่ดีซักอย่าง

Wednesday, January 7, 2009

Shut down Windows XP via command line

เปิด Command Prompt ขึ้นมา( start-> run -> พิมพ์ cmd -> OK)
พิมพ์ Shutdown วรรค แล้วต่อด้วยคำสั่งที่ต้องการดังนี้

-i = ให้มีกรอบโต้ตอบขึ้นมา
-l = Logoff
-s = Shutdown
-r = Restart
-m \\ชื่อคอมพ์ =สั่งให้คอมเครื่องนั้นปิดเครื่อง รีสตาร์ต หรือ ลอกออฟ
-t xx = ตั้งเวลาทำตามคำสั่ง xx วินาที
-c "comment" = ให้มี Comment ขึ้น
-f = ปิดโปรแกรม
-a = ยกเลิกคำสั่งทั้งหมด

สามารถพิมพ์หลายคำสั่งได้ โดยแต่ละคำสั่งให้วรรค เช่น ต้องการให้ปิดเครื่องใน 30 วินาที " shutdown -s -t 30 " เป็นต้น